Fiancé Visa (K-1 Visa)

การสมัครวีซ่า K-1 (วีซ่าคู่หมั้น) จากประเทศไทยไปยังสหรัฐฯ โดยผู้ที่เป็นคู่หมั้น (สปอนเซอร์) ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ (USC) จะต้องยื่นคำร้องเพื่อให้คู่หมั้นที่เป็นคนไทยสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อสมรสภายใน 90 วันหลังจากเดินทางไปถึง ขั้นตอนและรายละเอียดมีดังนี้:

1. การยื่นคำร้อง (Petition)

• ผู้ยื่น: คู่หมั้นชาวสหรัฐฯ ต้องยื่นแบบฟอร์ม I-129F (Petition for Alien Fiancé(e)) กับ USCIS
• เอกสารที่ต้องเตรียม:

• หลักฐานความสัมพันธ์

1. รูปถ่าย:
   • รูปถ่ายร่วมกันในสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงระยะเวลาความสัมพันธ์
   • รูปถ่ายระหว่างการเยี่ยมเยียนหรือท่องเที่ยวร่วมกัน
   • รูปถ่ายที่อยู่กับครอบครัวหรือเพื่อนของอีกฝ่าย
2. หลักฐานการสื่อสาร:
   • ข้อความสนทนาผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Line, WhatsApp, Facebook Messenger หรืออีเมล
   • จดหมายหรือการ์ดที่มีการส่งถึงกัน
3. ใบเสร็จหรือบัตรโดยสาร:
   • หลักฐานการเดินทางไปมาหาสู่ เช่น ตั๋วเครื่องบิน, ใบเสร็จโรงแรม, หนังสือเดินทางที่มีตราประทับการเดินทาง
   • บันทึกการจองการเดินทาง เช่น โรงแรม, ที่พัก, สถานที่ท่องเที่ยวร่วมกัน
4. จดหมายหรือคำให้การจากเพื่อนหรือครอบครัว:
   • จดหมายจากเพื่อนหรือครอบครัวที่ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์กันจริงจังและตั้งใจจะแต่งงาน
5. เอกสารทางการเงินร่วมกัน (ถ้ามี):
   • บัญชีธนาคารร่วมกัน
   • หลักฐานการส่งเงินให้กัน หรือการให้การสนับสนุนทางการเงิน
6. ใบหมั้นหรือสัญญาการหมั้น (ถ้ามี):
   • หากมีพิธีหมั้นหรือการสวมแหวน สามารถใช้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้ แต่ ไม่จำเป็นต้องมีพิธีหมั้น หากไม่มีการจัดพิธีดังกล่าว
   • สำเนาหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ยืนยันสัญชาติของสปอนเซอร์
   • หลักฐานการหย่า (ถ้ามี)
     • สำหรับฝ่ายหญิง (ผู้ยื่นขอวีซ่า K-1):
       • หนังสือรับรองโสด (Certificate of Singleness หรือ Affidavit of Singleness): สำหรับคนไทยสามารถขอรับได้จากที่ว่าการอำเภอในประเทศไทย ซึ่งแสดงว่าสถานะของคุณเป็นโสดหรือหย่าขาดตามกฎหมายและมีสิทธิที่จะแต่งงาน
       • หากเคยแต่งงานมาก่อน ต้องมี ใบหย่า หรือ ใบมรณบัตร ของคู่สมรสคนก่อน (ถ้าเขาเสียชีวิต)
     • สำหรับฝ่ายชาย (คู่หมั้นชาวสหรัฐฯ):
       • หากเคยแต่งงานมาก่อน จะต้องมีหลักฐานที่แสดงว่าการสมรสครั้งก่อนสิ้นสุดลง เช่น ใบหย่า (Divorce Decree) หรือ ใบมรณบัตร (Death Certificate) ของคู่สมรสคนก่อน (ถ้ามี)
       • หากยังไม่เคยแต่งงานมาก่อน ในกรณีนี้โดยทั่วไปฝ่ายชายไม่จำเป็นต้องยื่นหนังสือรับรองโสดเป็นพิเศษ แต่ควรมีหลักฐานที่แสดงสถานะ เช่น คำแถลงสถานภาพหรือเอกสารอื่นๆ ตามความเหมาะสม

• ค่าธรรมเนียม: ประมาณ $675
• ระยะเวลา: กระบวนการตรวจสอบโดย USCIS ใช้เวลา 6-12 เดือน

2. การส่งต่อคดีไปยัง NVC (National Visa Center)

• เมื่อคำร้องได้รับการอนุมัติจาก USCIS จะถูกส่งต่อไปยัง NVC ซึ่งจะออกหมายเลขคดีให้
• NVC จะส่งเรื่องไปยังสถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศไทย

3. การกรอกแบบฟอร์ม DS-160 และการเตรียมเอกสารสัมภาษณ์

• แบบฟอร์ม DS-160: ผู้สมัครต้องกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ผ่านทางเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐฯ
  • หลังกรอกเสร็จ ต้องพิมพ์ Confirmation Page ออกมาเพื่อใช้ในวันสัมภาษณ์
• เอกสารที่ต้องเตรียม:
  • หนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ
  • รูปถ่ายขนาด 2×2 นิ้ว ตามข้อกำหนด
  • ใบรับรองสถานภาพโสด
  • ใบรับรองประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • หลักฐานการเงินของสปอนเซอร์ (เช่น สลิปเงินเดือน, ใบเสียภาษี, รายการเงินฝากธนาคาร)
• ค่าธรรมเนียมวีซ่า: 265 ดอลลาร์สหรัฐฯ
• ระยะเวลา: ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการนัดสัมภาษณ์

4. การตรวจสุขภาพ

• ผู้สมัครต้องตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากสถานทูตสหรัฐฯ เช่น โรงพยาบาลบีเอ็นเอช หรือบำรุงราษฎร์
• ค่าตรวจสุขภาพ: ประมาณ 7,000-9,000 บาท
• ระยะเวลา: ผลตรวจสุขภาพใช้เวลา 1-2 วันทำการ

5. การสัมภาษณ์ที่สถานทูตสหรัฐฯ

• ผู้สมัครต้องนำเอกสารทั้งหมดมาในวันสัมภาษณ์ รวมถึง แบบฟอร์ม I-134 (Affidavit of Support) เพื่อยืนยันความสามารถทางการเงินของสปอนเซอร์
• ระยะเวลา: ถ้าผ่านสัมภาษณ์ วีซ่าจะออกภายใน 1-2 สัปดาห์

6. การเดินทางเข้าสหรัฐฯ

• หลังจากได้รับวีซ่า K-1 ผู้สมัครสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ภายใน 6 เดือน
• หลังจากเดินทางมาถึง ต้องสมรสภายใน 90 วัน
• หลังสมรสแล้ว สามารถยื่นขอปรับสถานะเป็นผู้พำนักถาวร (Permanent Resident) ด้วยแบบฟอร์ม I-485 เพื่อขอ Green Card

7. ข้อมูลเกี่ยวกับสปอนเซอร์และผู้สปอนเซอร์ร่วม (Joint Sponsor)

• คุณสมบัติของสปอนเซอร์หลัก: ต้องเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และมีรายได้อย่างน้อย 125% ของเกณฑ์ความยากจน (Federal Poverty Guidelines) หากรายได้ไม่ถึง สามารถใช้ทรัพย์สินหรือหาผู้สปอนเซอร์ร่วมได้
• ผู้สปอนเซอร์ร่วม (Joint Sponsor): สามารถใช้ได้หากสปอนเซอร์หลักมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ โดยต้องมีรายได้ที่เพียงพอสำหรับจำนวนสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด และสามารถแสดงหลักฐานทางการเงินได้ เช่น เอกสารรับรายได้จากบำนาญ หรือทรัพย์สินอื่น ๆ

8. ค่าธรรมเนียมโดยรวม (ประมาณ)

• ค่าธรรมเนียมการยื่น I-129F: $675
• ค่าธรรมเนียมวีซ่า DS-160: $265
• ค่าตรวจสุขภาพ: 7,000-9,000 บาท
• ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการขอปรับสถานะหลังสมรส (I-485) : $1,440

_______________

The application for a K-1 visa (Fiancé(e) visa) from Thailand to the United States requires the U.S. citizen fiancé(e) (sponsor) to file a petition allowing their Thai fiancé(e) to enter the U.S. for marriage within 90 days of arrival. The steps and details are as follows:

1. Petition Submission

   • Petitioner: The U.S. fiancé(e) must file Form I-129F (Petition for Alien Fiancé(e)) with USCIS.
   • Documents to Prepare:
     • Evidence of Relationship:
       1. Photos:
          • Photos together in various locations during the relationship
          • Photos from visits or trips together
          • Photos with each other’s family or friends
       2. Communication Evidence:
          • Chat records from apps like Line, WhatsApp, Facebook Messenger, or emails
          • Letters or cards exchanged between each other
       3. Receipts or Travel Tickets:
          • Proof of visits such as flight tickets, hotel receipts, passports with travel stamps
          • Travel booking records for hotels, accommodation, or shared travel plans
       4. Letters or Testimonies from Friends or Family:
          • Letters confirming that the relationship is genuine and the couple intends to marry
       5. Shared Financial Documents (if any):
          • Joint bank account statements
          • Proof of financial support between the couple
       6. Engagement Certificate or Contract (if any):
          • If an engagement ceremony took place, photos or documents can be used as additional evidence, though not mandatory.
       • Copy of the sponsor’s passport or proof of citizenship
       • Divorce certificate (if applicable)
     • For the Thai Fiancé(e) (K-1 visa applicant):
       • Certificate of Singleness: This can be obtained from a district office in Thailand, proving legal singleness or a legal divorce, allowing for marriage.
       • Divorce certificate or death certificate of the former spouse (if previously married)
     • For the U.S. Fiancé(e):
       • If previously married, proof that the prior marriage ended (Divorce Decree or Death Certificate).
       • If never married, generally, no certificate of singleness is required, but evidence of status may be necessary.
   • Fee: Approximately $675
   • Processing Time: USCIS processing takes 6-12 months

2. Transfer to NVC (National Visa Center)

   • Once approved by USCIS, the petition is sent to the NVC, which will issue a case number and forward the case to the U.S. Embassy in Thailand.

3. Completing the DS-160 Form and Preparing for the Interview

   • DS-160 Form: The applicant must complete the DS-160 form online via the U.S. Embassy website and print the confirmation page for the interview.
   • Documents to Prepare:
     • Valid passport
     • 2×2-inch photo (as per requirements)
     • Certificate of Singleness
     • Criminal record clearance from the Thai police
     • Sponsor’s financial evidence (pay stubs, tax returns, bank statements)
   • Visa Fee: $265
   • Processing Time: About 2-4 weeks, depending on interview scheduling

4. Medical Examination

   • The applicant must undergo a medical examination at a U.S. Embassy-approved hospital, such as BNH Hospital or Bumrungrad International Hospital.
   • Medical Exam Fee: Around 7,000-9,000 THB
   • Processing Time: 1-2 business days for results

5. Interview at the U.S. Embassy

   • The applicant must bring all required documents to the interview, including Form I-134 (Affidavit of Support) to prove the sponsor’s financial capability.
   • Processing Time: If approved, the visa will be issued within 1-2 weeks.

6. Travel to the U.S.

   • Once the K-1 visa is issued, the applicant can enter the U.S. within 6 months.
   • The couple must marry within 90 days of arrival.
   • After marriage, the applicant can apply for a status adjustment to become a Permanent Resident (Green Card) using Form I-485.

7. Sponsor and Joint Sponsor Information

   • Sponsor Requirements: The sponsor must be a U.S. citizen with an income of at least 125% of the Federal Poverty Guidelines. If the sponsor’s income is insufficient, they can use assets or find a joint sponsor.
   • Joint Sponsor: If needed, the joint sponsor must have sufficient income to support all family members and provide financial documentation such as pension statements or other assets.

8. Overall Fees (Approximate)

   • I-129F filing fee: $675
   • DS-160 visa fee: $265
   • Medical exam: 7,000-9,000 THB
   • Additional fees for status adjustment after marriage (I-485): $1,440